วอร์มอัพ ท่าอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF




วอร์มอัพ อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลัง

วอร์มอัพ ท่าอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย

วอร์มอัพ ไม่ว่าคุณจะกำลังเตรียมตัวสำหรับการวิ่งมาราธอนหรือเพียงแค่ต้องการวิ่งวนสักสองสามรอบในสวนสาธารณะ เราก็ควรจะต้องทำการวอร์มอัพเสมอนะคะ แต่ผลสำรวจล่าสุดพบว่านักวิ่ง 3 ใน 4 ไม่ได้ทำการวอร์มอัพก่อนออกกำลังกาย ซึ่งสำคัญมากนะคะ เพราะจะพลาดประโยชน์จากการวอร์มอัพ อย่างมากมายจนคาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ วันนี้แอนริน จะพาไปเชคท่าอบอุ่นร่างกาย และสอนท่าที่ถูกต้องนะคะ



การวอร์มอัพ คืออะไร?

การวอร์มอัพ เป็นเซสชั่นบริหารร่างกายสั้นๆ ประกอบด้วยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเบาๆ และการยืดเหยียด ซึ่งต้องทำก่อนการออกกำลังกายที่เข้มข้นมากขึ้น การวอร์มอัพเป็นการเตรียมร่างกายเพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการออกกำลังกายที่หนักขึ้น ปกติการวอร์มอัพจะเน้นไปที่ขาโดยเฉพาะ

การวอร์มอัพจะทำให้ร่างกายของคุณอบอุ่นขึ้น โดยจะเพิ่มอุณหภูมิของกล้ามเนื้อเพื่อไม่ให้มันเปลี่ยนจากการ “เย็น” เป็นการทำงานเต็มกำลังในทันทีทันใด การวอร์มอัพยังช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจ และทำให้เลือดไหลเวียนไปยังร่างกายส่วนต่างๆได้มากขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว ก็คือการขยับเตรียมร่างกายให้ค่อยๆ เข้าสู่โหมดการออกกำลังกายอย่างแท้จริง

วอร์มอัพ ทำไมต้องวอร์มอัพก่อนการออกกำลัง?



ทำไมต้องวอร์มอัพก่อนการออกกำลัง?

  • หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ การวอร์มอัพจะเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและลดความตึงเครียด – การออกกำลังโดยที่กล้ามเนื้อยังไม่พร้อม จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการอาการกล้ามเนื้อตึง
  • บรรเทาอาการปวด การวิจัยพบว่านักวิ่งที่วอร์มอัพก่อนออกกำลังกายจะมีอาการปวดหลังออกกำลังกายน้อยกว่านักวิ่งที่คูลดาวน์หรือไม่ได้วอร์มอัพเลย
  • เตรียมจิตใจให้พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการแข่งขัน การบริหารร่างกายเพื่อวอร์มอัพจะช่วยให้คุณ ‘เข้าสู่โซน’ ตื่นตัว พร้อมที่จะเข้าสู่การแข่งขัน



ควรวอร์มอัพนานเท่าไหร่ ?

คุณอาจเคยได้ยินมาว่าคุณ ควรอุ่นเครื่องให้มากที่สุดประมาณ 20 หรือ 30 นาที และแม้ว่านักวิ่งมืออาชีพและนักกีฬา อาจใช้เวลามากขนาดนั้น ในการวอร์มร่างกาย แต่สำหรับนักวิ่งทั่วไปก็ไม่จำเป็นต้องวอร์มอัพ นานขนาดนั้นก็ได้

โดยทั่วไปแล้ว หากคุณเพียงแค่วิ่งจ็อกกิ้งสั้นๆ รอบสวนสาธารณะ คุณอาจใช้เวลาไม่เกินสองสามนาทีเพื่อวอร์มอัพ เพื่อให้เลือดไหลเวียน ในทางกลับกัน สำหรับการวิ่งระยะยาว เช่น มาราธอนหรือฮาล์ฟมาราธอน คุณอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 นาทีในการวอร์มอัพ และยืดเหยียดร่างกายส่วนล่าง



ท่าบริหารร่างกายวอร์มอัพ

Quad + Piriformis Walk

  • อยู่ในท่ายืน ดึงเท้าซ้ายขึ้นไปด้านหลัง ดึงปลายเท้าเข้าหาก้นของคุณเพื่อยืดกล้ามเนื้อ
  • ปล่อยและก้าวไปข้างหน้า สลับขา
  • หลังจากผ่านไป 30 วินาที ให้วางขาขวาที่ข้อเท้าและเข่า ดึงขึ้นไปที่หน้าอก
  •  ปล่อยและก้าวไปข้างหน้า สลับขา ทำซ้ำเป็นเวลา 30 วินาที



Hip Opener

  • ท่ายืนงอเข่าขวาแล้วยกเข่าขึ้นถึงระดับสะโพก
  • หมุนเข่าออกไป 90 องศา (วางมือเหนือเข่าเพื่อให้ทรงตัวและนำทางหากจำเป็น)
  • นำขากลับมาข้างหน้า เท้าล่างและสลับข้าง ทำซ้ำเป็นเวลา 30 วินาที



Arm Circles

  • ยืนแยกขาเท่าความกว้างไหล่
  • ยกแขนขึ้นสูงระดับไหล่ ฝ่ามือลง
  • เหวี่ยงแขน ทำวงกลมเล็ก ๆ
  • หลังจาก 30 วินาที ให้เปลี่ยนทิศทาง ทำต่อไปเรื่อยๆอีก 30 วินาที

 



Frankenstein Walk

  • เริ่มยืนเท้าชิดกัน เหยียดเตะขาขวาออกไปตรงหน้า
  • ขณะเดียวกัน เอามือซ้ายแตะปลายเท้าขวา
  • ทำสลับขา เตะขาซ้ายไปข้างหน้า เอามือขวาแตะปลายเท้า
  • ทำต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วินาที



Leg Crossover + Scorpion

  • นอนหงาย ขาเหยียดตรง กางแขนออก
  • ยกขาขวาขึ้นพาดตามลำตัว แตะเท้าแตะพื้น กลับไปเริ่มต้น
  • ทำซ้ำในด้านตรงข้าม หลังจากผ่านไป 30 วินาที
  • พลิกตัวเพื่อนอนคว่ำหน้าและแสดงเป็นแมงป่อง
  • นอนคว่ำหน้า ดึงขาซ้ายขึ้นแล้วพาดผ่านลำตัวโดยให้เท้าซ้ายเกือบจะอยู่ในแนวเดียวกับสะโพกขวา
  • กลั้นหายใจสักหนึ่งหรือสองครั้งแล้วกลับไปเริ่มต้น ทำซ้ำอีกด้านหนึ่งแล้วสลับต่อไปอีก 30 วินาที



Inchworm

  • จากท่ายืนก้มตัวไปด้านหน้าที่เอวแตะปลายเท้า
  • เดินด้วยมือ ถัดไปจนสุดเหนียด ค้างไว้ 2 วินาที
  • เดินด้วยมือกลับ ไปยังตำแหน่งเริ่มต้น ทำซ้ำเป็นเวลา 1 นาที



ประโยชน์ของการวอร์มอัพก่อนการออกกำลัง

  • ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตทำงานได้ดีขึ้น อัตราการเต้นหัวใจค่อยๆ ทำงานเพิ่มขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ
  • ปรับความดันโลหิตให้เหมาะสม ทำให้ลดความเสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลวหัวใจวายเฉียบพลัน คลื่นหัวใจผิดปกติ ความดันโลหิตสูง เป็นลม หน้ามืด
  • ระบบหายใจทำงานดีขึ้น อัตราการถ่ายเทออกซิเจนจากเลือดไปยังกล้ามเนื้อสูงขึ้น
  • ระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น การหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อดี กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นดีขึ้น
  • ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มที่ การสั่งงานของระบบประสาทรวดเร็วขึ้น กระตุ้นให้ระบบการเคลื่อนไหวของร่างกายทำงานอย่างประสานสัมพันธ์กัน เกิดความคล่องแคล่วว่องไว มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดี
  • อัตราการเผาผลาญเพื่อสร้างพลังงานสูงขึ้น ทำให้มีแรงเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายได้นานขึ้น
  • ลดการบาดเจ็บจากการใช้เนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายมากเกินไป เพราะเนื้อเยื่อต่างๆ ทนต่อการใช้งานที่หนักขึ้น ทำให้ไม่ฉีกขาดหรือบาดเจ็บได้ง่าย ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บได้มากขึ้น



ข้อเสียของการไม่วอร์มอัพก่อนการออกกำลัง

  • ลดประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย เนื่องจากร่างกายยังไม่พร้อม
  • มีโอกาสที่จะบาดเจ็บในการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายสูง โดยเฉพาะการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ข้อต่อ เอ็น รวมทั้งระบบไหลเวียนโลหิต และระบบหายใจ การเป็นลม หมดสติ หน้ามืด เวียนศีรษะ หัวใจล้มเหลว หัวใจวาย ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้
  • ลดประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบกล้ามเนื้อ ข้อต่อ ระบบหายใจและระบบประสาท เป็นต้น
  • สมรรถภาพทางกายด้านต่างๆ ลดลง เช่น ความแข็งแรง ความเร็ว ความคล่องแคล่ว ความอ่อนตัว เป็นต้น



เรื่องน่าอ่าน :
คูลดาวน์ รวม 16 ท่าคูลดาวน์ลดอาการบาดเจ็บ

ท่า คูลดาวน์ ลดอาการบาดเจ็บ

ขอขอบคุณข้อมูล

asics

runnersworld

health.campus-star



image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF

About Admin

แอดริน ผู้มีใจรักสุขภาพ เข้านอนสามทุ่ม ตื่นตีห้ามาออกกำลังกาย ดื่มน้ำวันละแปดแก้ว เขียนคอนเท้นสุขภาพ เพื่อแชร์เรื่องราวสุขภาพดีๆ เพราะอยากเห็นคนไทยสุขภาพดี ห่างไกลโรคภัย

View all posts by Admin →