สิว บอกลาปัญหาสิวกวนใจวัยรุ่น
สิว Acne หรือ Pimple สิวเป็นปัญหาวัยรุ่นที่ไม่สิวเลยนะคะ เมื่อวัยรุ่นอย่างเราเป็น ก็มักไม่มั่นใจ เมื่อไม่มั่นใจก็จะทำให้บุคลิกภาพดูแย่ ทำอะไรไม่เป็นตัวของตัวเองเลยค่ะ แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อแอดริน จะพามารู้จักโลกของสิว ประเภทของสิว และวิธีรักษาสิวอย่างถูกวิธีชนิดที่ หายเป็นปลิดทิ้ง ปลอดภัยไร้กังวลเชียวค่ะ
สิวคืออะไร รู้จักกับสิว
เมื่อเราค้นหาเกี่ยวกับเรื่องสิวในอินเตอร์เนต สิว ภาษาอังกฤษคือ acne หรือ pimple ค่ะโดย สิว เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคผิวหนังที่ไม่ร้ายแรง มีลักษณะเป็นตุ่มเม็ดเล็ก ภายในมีก้อนไขมันอนู่ในชั้นผิว เกิดจากการอุดตันหรือการติดเชื้อของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง สิวจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับชนิดและที่มาของสิว มักจะขึ้นตามผิวหนังในบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่มาก เช่น ใบหน้า ลำคอ อก แผ่นหลังส่วนบน และหัวไหล่ สามารถเกิดสิวได้ทุกช่วงวัยโดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น แต่จะลดลงมาเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยปกติจะไม่มีสิวเมื่ออายุ 40 ปี
สิวเกิดจากอะไร รู้จักสาเหตุของสิวเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง
สาเหตุการเกิดสิว มีความสัมพันธ์โดยตรงกับฮอร์โมนในร่างกาย รวมไปถึงพันธุกรรมก็ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิว ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล นอกจากนี้ยาบางชนิด, การพักผ่อนไม่เพียงพอ, ความเครียดและการดูแลผิวอย่างไม่ถูกวิธีล้วนกระตุ้นทำให้เกิดสิวได้ การใช้เครื่องสำอาง หรือสิ่งสกปรกตกค้าง เช่น ฝุ่นควัน รวมถึงเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน
การเกิดสิวเกิดจาก สิ่งสกปรกจับตัวกับไขมันส่วนเกิน (Sebum)จากต่อมไขมัน สะสมเป็นก้อนแข็งอุดตันรูขุมขนจนกลายเป็นสิวอุดตัน หลังจากนั้นเมื่อไขมันที่สะสมใต้ผิวหนังไม่สามารถระบายออกได้รูขุมขนจึงขาดออกซิเจน ทำให้เกิดแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Cutibacterium Acnes (C. Acnes) แบคทีเรียตัวนี้จะไปกระตุ้นให้เกิดการย่อยสลายไขมัน จนเกิดอาการอักเสบของสิวอุดตันและพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบขึ้น
ซึ่งการเกิดสิวนั้นล้วนมีปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยเสริมให้เกิดสิวง่ายขึ้น โดยแบ่งออกเป็นปัจจัยภายใน เช่น ระดับฮอร์โมน กรรมพันธุ์ ความเครียด หรือโรค ส่วนปัจจัยภายนอกก็อย่างเช่น เครื่องสำอาง ครีมบำรุง อาหาร ฝุ่นควัน สภาพอากาศและอุณหภูมิ
ชนิดของสิว สิวมี่กี่ประเภท
สิวหัวขาว (Whiteheads)
สิวหัวขาว (Whiteheads) สิวอุดตันหัวปิด หรือเรียกกันว่า สิวหัวขาว มีลักษณะเป็นตุ่มนูน สิวยังไม่มีรูเปิด จึงทำให้ดันผิวจนนูนขึ้นมา เมื่อใช้มือลูบจะรู้สึกเหมือนมีไตก้อนเล็กๆ บีบออกยาก เพราะรากสิวลึก สิวประเภทนี้เมื่อปล่อยไว้นานๆ จะขยายขนาดขึ้น และมีโอกาสกลายเป็นสิวอักเสบชนิดต่างๆได้สูง
สิวหัวดำ (Blackheads)
สิวหัวดำ (Blackheads) สิวชนิดนี้เรียกว่า สิวอุดตันหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นตุ่มนูน เม็ดเล็กๆ มีรูเปิดออกจนเห็นหัวสิว และมองเห็นจุดสีดำอยู่บริเวณตรงกลาง ซึ่งจุดสีดำเกิดจากน้ำมัน (Sebum) ทำปฏิกิริยา oxidation กับออกซิเจนในอากาศ เปลี่ยนไขมันเป็นสีดำ
สิวเสี้ยน หรือสิวอุดตัน (Comedone)
สิวเสี้ยน หรือสิวอุดตัน (Comedone) สิวเสี้ยน มีลักษณะเป็นเสี้ยนเหมือนกับชื่อ สิวเสี้ยนเป็นความผิดปกติชนิดหน่ึงที่เกิดขึ้นกับรูขุมขน ลักษณะคล้ายกับการเกิดสิวอุดตัน คือ เกิดจากความผิดปกติของผิวหนังบริเวณรูขุมขนที่ทำให้มีการหนาตัวของชั้นขี้ไคล ร่วมกับมีการสะสมของขนอ่อนในรูขุมขนนั้นๆ ซึ่งอาจพบเส้นขนได้มากถึง 5-50 เส้น กระจุกขนอ่อนเหล่าน้ีนี่เองที่ทำให้เกิดลักษณะเป็นเสี้ยนสิวสีขาวๆ
สิวเสี้ยนอาจพบได้ในหลายบริเวณที่มีรูขุมขนขนาดใหญ่ เช่น แผ่นหลัง ต้นแขน ต้นขา บริเวณจมูก คาง ผิวระหว่างคิ้ว และเมื่ออายุเพิ่มข้ึนก็ยิ่งพบได้มากขึ้น
วิธีดูแลสิวเสี้ยน หรือสิวอุดตัน : ใช้ยาทาที่ช่วยลดการอุดตัน เช่น ยาทาเบนซิล เพอร์ออกไซด์ หรือยาทาในกลุ่มกรดวิตามินเอ จะช่วยให้สิวเสี้ยนและสิวอุดตันหลุดออกได้ง่ายข้ึน ใช้ร่วมกับการกดสิว ควรพบแพทย์เพื่อเริ่มทายาอย่างถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น หากใช้เยอะเกินไปอาจแพ้และระคายเคืองผิวได้
สิวอักเสบแดงเป็นก้อน (Nodular Acne)
สิวอักเสบแดงเป็นก้อน (Nodular Acne) เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ (ขนาดเกิน 0.5 ซม.) อยู่ใต้ผิวหนัง จับดูจะรู้สึกเป็นไตแข็งๆ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ แบคทีเรียและน้ำมันในตุ่มสิวแตกกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง สิวจะอักเสบนานหลายวัน เมื่อหายอาจเกิดแผลเป็นได้
สิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule)
สิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule) สิวอักเสบชนิดถัดมา คือสิวตุ่มแดง เป็นตุ่มแดงเจ็บ ขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.5 ซม. ส่วนมากสิวชนิดนี้เป็นสิวอักเสบในระยะแรกที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน ขนาดจะเล็กกว่าสิวแบบ Nodular Acne และไม่มีอาการเจ็บเท่าไหร
วิธีดูแลสิวตุ่มนูนแดง : ล้างหน้าให้สะอาดแบบอ่อนโยน ไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้า เพราะจะยิ่งเพิ่มอาการระคายเคือง
สิวหัวหนอง (Pustule)
สิวหัวหนอง (Pustule) เป็นสิวชนิดสิวอักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและปวด ข้างบนตุ่มมีหัวหนองสีเหลือง เป็นสิวที่มีอาการอักเสบมากกว่าสิวอักเสบชนิด Papule หรืออาจเกิดจากสิวมีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อน
วิธีดูแลสิวหัวหนอง : ล้างหน้าให้สะอาดแบบอ่อนโยน ไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้าเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเพิ่มอาการระคายเคือง และควรใช้ยาแต้มสิวร่วมด้วยวันละ 2-3 ครั้ง
สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)
สิวหัวช้าง (Acne Conglobata) เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง มักเป็นในวัยรุ่นที่มีผิวหน้ามันมาก บางรายมีประวัติคนในครอบครัวเป็นสิวหัวช้างด้วย สิวหัวช้างมีลักษณะเป็นสิวอักเสบรุนแรงทุกชนิดขึ้นรวมกันหนาแน่น ได้แก่ สิว pustule, สิว nodule และสิว cyst หัวสิวมักแตก มีหนองเยอะ และมีเลือดไหลเยอะ สิวมักมีจำนวนมากที่ใบหน้า หน้าอก และแผ่นหลัง
วิธีดูแลสิวหัวช้าง : รักษาได้ยาก และจะกลายเป็นแผล เป็นก้อนนูนหรือหลุมสิวขนาดใหญ่ ควรพบแพทย์และรักษาโดยแพทย์
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิว
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิว มีอยู่หลายประการโดยหลักๆ เกิดจากฮอร์โมน อาหาร เครื่องสำอาง ความเครียด และการพักผ่อนน้อย และสุดท้ายกรรมพันธุ์ ก็มีผลมากเช่นเดียวกัน
ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ โดยระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน จะมีระดับสูงในช่วงวัยรุ่นโดยเฉพาะเพศชาย ทำให้เราพบสิวในช่วงอายุนี้มากกว่าช่วงอื่น ฮอร์โมนนี้จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้น มีการสร้างไขมันออกมามากขึ้น และในขณะที่น้ำมันเดินทางจากต่อมไขมันสู่ปาก รูขุมขน เกิดไปผสมเข้ากับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ในรูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนกลายเป็นสิวอุดตัน ระหว่างนั้นเม็ดเลือดขาวในร่างกายจะออกมากำจัดแบคทีเรีย ทำให้สิวอักเสบ เกิดเป็นตุ่มแดง บวม เจ็บ และเป็นหัวหนองในที่สุด
สิวอาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างตั้งครรภ์ ระหว่างมีประจำเดือนผู้หญิงบางคน อาจมีสิวเห่อ มากขึ้นในระยะก่อนมีประจำเดือนได้ เนื่องจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีการบวมของรูขุมขนและการคั่งของน้ำในร่างกาย หรือ โรคบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น โรคถุงน้ำในรังไข่
อาหาร เดิมเชื่อว่าอาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต หรือ อาหารมันๆ ทำให้เกิดสิว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่มีการศึกษาใดๆ ที่บ่งชี้ว่าอาหารเป็นสาเหตุของการเกิดสิว แต่ถ้าสังเกตว่าอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง ทำให้อาการสิวอักเสบแย่ลง อาจลองหลีกเลี่ยงหรือหยุดรับประทานอาหารชนิดนั้นๆ แล้วสังเกตว่าอาการสิวอักเสบดีขึ้นหรือไม่
เครื่องสำอาง การใช้เครื่องสำอางก็เป็นสาเหตุหนึ่งของสิว ดังนั้นในคนที่มีโอกาสเป็นสิวง่าย แนะนำให้พยายามใช้เครื่องสำอางให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน และควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าไม่ทำให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ นอกจากนี้การใช้สเปรย์หรือเจลบำรุงเส้นผม ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณใบหน้า
ความเครียด ความเครียดสะสม หรืออาการนอนไม่หลับ หรือนอนน้อย จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น ร่างกายอ่อนเพลีย กระตุ้นให้เกิดสิวได้
ยาหรือสารกระตุ้น ยาบางอย่างเช่น สเตียรอยด์และลิเธียม มีรายงานว่าทำให้เกิดสิวได้ในบางคน ในบางคนหากได้รัยสารสเตียรอยด์ ระยะแรกอาจมีผิวหน้าที่ดีขึ้น แต่เมื่อใช้ต่อกันจะผิวหน้าจะแพ้และเกิดสิวอักเสบอย่างรุนแรง รักษาได้ยาก ดังนั้นไม่ควรใช้ยาหรือ ครีมที่มีส่วนประกอบของสเตียรอยด์
กรรมพันธุ์ หรือ ยีนต์ กรรมพันธุ์มีผลต่อการเกิดสิวด้วยเช่นกัน ถ้าพ่อแม่มีประวัติเป็นสิวในวัยรุ่น ลูกใน วัยรุ่นก็มีโอกาสที่จะเป็นสิวสูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
การรักษาสิว
การรักษาสิว ในปัจจุบันการรักษาสิว ได้นำความรู้ด้านการแพทย์สมัยใหม่มาใช้ในการรักษา เพื่อลดสิวที่ขึ้นตามใบหน้า แผ่นหลัง หรือหน้าอกให้มีจำนวนน้อยลง พร้อมกับบรรเทาความเจ็บปวดและการอักเสบให้ทุเลาลง จนกระทั่งหายจากการเป็นสิวในที่สุด การรักษาสิวมีหลากหลายวิธี โดยมีรายละเอียดตามข้อมูลด้านล่าง
การรักษาด้วยยา การรักษาด้วยยามีสองรูปแบบคือ รูปแบบยาทาและรูปแบบยารับประทาน ซึ่งแพทย์จะให้การรักษาตามระดับความรุนแรงของสิว ถ้าหากความรุนแรงสิวน้อยหรือปานกลางแพทย์จะเลือกใช้รูปแบบยาทาเป็นหลัก แต่ถ้าหากสิวมีความรุนแรงมาก อาจให้ยาทั้งสองรูปแบบเพื่อให้ได้ผลการรักษาสิวที่ดีขึ้น
ยาทาสิว สำหรับยาทาสิวจะมีสรรพคุณช่วยลดการอุดตัน ลดการอักเสบ ลบรอยสิวให้จางลง และสามารถฆ่าเชื้อ C. Acnes ที่ปะปนอยู่ในสิวได้ รวมถึงช่วยลดปริมาณไขมันบนผิวหนังให้น้อยลง เช่น ยาที่มีส่วนประกอบของอนุพันธุ์วิตามินเอ Retinoid ตัวยา Benzoyl peroxide หรือยาทาที่มีส่วนประกอบของยาปฏิชีวนะ เช่น Clindamycin
ยารับประทาน ตัวยารับประทานที่นิยมใช้ในการรักษาสิว ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ ช่วยลดการติดเชื้อสิวและลดการอักเสบของสิว เช่น ยากลุ่ม Tetracycline อย่างยา Doxycycline ส่วนยากลุ่มฮอร์โมนสำหรับผู้ที่เป็นสิวจากฮอร์โมน เช่น ยา Cyproterone acetate และยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ เช่น Isotretinoin ซึ่งจะออกฤทธิ์รุนแรง เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวอักเสบ สิวซิสต์ และสิวหัวช้างจำนวนมาก
การกดสิว การรักษาด้วยการกดสิวนั้นเป็นการป้องกันไม่ให้สิวเกิดการอักเสบ โดยใช้เครื่องมือกดลงไปที่สิวอุดตันเพื่อให้เม็ดโคมิโดนหลุดออกมา ซึ่งการกดสิวจะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เท่านั้น ไม่ควรกดเองเพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำหรือรุนแรงขึ้น
การเลเซอร์สิว เลเซอร์ที่ใช้ลดสิวในปัจจุบันมีหลากหลายชนิด โดยแพทย์จะเลือกใช้ตามความรุนแรงของสิวและสภาพผิวของคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ตัวอย่างของเลเซอร์รักษาสิว ดังนี้
- Vacuum with broadband light (Isolaz): ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนและลดแบคทีเรีย C. Acnes ให้น้อยลง
- Long pulse diode laser 1450nm (Smooth Beam): ช่วยลดการผลิตไขมันส่วนเกินบนใบหน้า รักษาสิวอักเสบขนาดใหญ่
- Diode and long pulse Nd Yag (Excel V): ลบรอยแดงของสิวที่ปรากฏตามใบหน้า
- Q-switched Nd:YAG: ลดสิวอุดตัน ลบรอยแดงจากสิว และบรรเทาอาการอักเสบของสิว
การรักษาสิวด้วยวิธีอื่นๆ นอกเหนือจาก 3 วิธีที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีวิธีรักษาสิวแบบอื่นที่สามารถลดสิวชนิดต่างๆ ให้ลดน้อยลงได้เช่นกัน วิธีที่พบได้บ่อยได้แก่ การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าไปในสิว การใช้กรดผลไม้เพื่อลอกหนังกำพร้าบนใบหน้าให้สร้างผิวหนังชั้นใหม่ หรือการใช้แสงบำบัดสิวช่วยให้สิวแห้งลงและมีอาการดีขึ้นได้
เมื่อเป็นสิวแล้วควรทำอย่างไร
สิ่งที่ควรทำเมื่อเกิดสิว
- ล้างหน้าเพียงวันละ 1 -2 ครั้ง หากล้างเยอะเกินไปผิวหนังจะกระตุ้นการสร้างไขมัน ทำให้ปัญหาสิวแย่ลงได้
- ใช้เจล หรือครีมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ไม่ควรล้างหน้าหรือเช็ดอย่างรุนแรง และงดการสครับขัดผิวทุกชนิด
- ใช้ยารักษาสิว ตามที่หมอจ่ายยามาเท่านั้น
- รับประทานอาหารประเภทผักและผลไม้ แทนของทอด ของมัน และของหวาน
- เวลาคุยโทรศัพท์หลีกเลี่ยงการนำโทรศัพท์แนบกับผิวหน้า เพราะอาจทำให้ผิวมันและแบคทีเรียสะสมเพิ่มขึ้น
- สำหรับผู้ที่มีผิวบริเวณส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้า ควรใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เนื้อผ้าสัมผัสกับสิว
สิ่งที่ห้ามทำเมื่อเวลาเป็นสิว
- หยุดบีบ แกะ แคะสิวโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้สิวเกิดการอักเสบ แถมยังทำให้เกิดรอยสิวเป็นของแถม ซึ่งรักษายากกว่าสิวเสียอีก
- ไม่ควรสัมผัสผิวบริเวณที่เป็นสิว เพราะอาจทำให้ผิวติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวหน้าที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบเป็นน้ำมัน
- เลี่ยงการอยู่ในที่มีแดดแรง หรือสถานที่ที่มีอากาศร้อน เพราะอาจเกิดสิวผด สิวเห่อได้
ขอขอบคุณข้อมมูล : ไทยรัฐ
ขอขอบคุณข้อมูล : Raksa