วิตามินซี เลือกอย่างไรให้มีผลดีสูงสุด

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF




วิธีใช้ วิตามินซี ให้ได้ผลดีต่อสุขภาพ

วิตามินซี เลือกอย่างไรให้มีผลดีสูงสุด

วิตามินซี Vitamin C ใครเป็นหวัดบ่อย ตอนเด็กๆเราก็จะได้เรียนได้ท่องใช่ไหมคะว่า ให้ทานวิตามินซีเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานหวัด โดยวิตามินซีมีมากในผลไม้รสเปรี้ยวใช่ไหมคะ ทั้งส้ม มะนาว วันนี้แอดริน จะพาทุดท่านไปท่องโลกของวิตามินซีกันค่ะ กินอย่างไร เลือกทานอย่างไรถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด ว่าแล้วค่อยๆ อ่านและแชร์ไปให้คนที่เรารักกันเลยค่ะ

วิตามินซีคืออะไร

วิตามินซี หรือ กรดแอสคอร์บิก หรือ กรดแอล-แอสคอร์บิก (l-ascorbic acid) เป็นวิตามินที่พบในอาหารและอาหารเสริมต่าง ๆ ใช้ป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด เป็นสารอาหารจำเป็นที่ใช้ซ่อมแซมเนื้อเยื่อและผลิตสารสื่อประสาทบางอย่างโดยอาศัยเอนไซม์ จำเป็นในการทำงานของเอนไซม์หลายอย่างและสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย

วิตามินซี คืออะไร

วิตามินซี เป็นวิตามินที่มีความสำคัญกับร่างกาย ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหาร วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายน้ำ มีประโยชน์หลายอย่างคือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็ง ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน คาร์นิทีน และสารสื่อประสาท ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก รวมถึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินซีโดยมากมีผลข้างเคียงน้อย แต่ถ้ากินมากอาจทำให้ไม่สบายท้อง ปวดท้อง รบกวนการนอน และทำให้หน้าแดง ขนาดปกติปลอดภัยแนะนำไม่ให้กินเป็นปริมาณมากๆ



เราควรได้รับวิตามินซีวันละเท่าไหร่ ในแต่ละวัน

ปริมาณวิตามินซีอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันของคนไทยวัยผู้ใหญ่ ผู้ชาย 100 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้หญิง 85 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้นก็พอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันแล้ว แต่ในกรณีอื่นๆ อาจมีความความต้องการวิตามินซีจะเพิ่มขึ้น เช่น หญิงตั้งครรภ์ 95 มิลลิกรัมต่อวัน หญิงให้นมบุตร 130 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด 200-500 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นต้น

องค์การอนามัยโลก ได้แนะนำว่า หากเรากินผักผลไม้ให้ได้ 400 กรัมต่อวัน จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งการกิน ผักผลไม้ 400 กรัม นั้น ร่างกายจะได้รับวิตามินซีประมาณ 210-280 มิลลิกรัม ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการวิตามินซีของร่างกายต่อวัน นอกจากจะได้รับวิตามินซี ผักผลไม้ ยังเป็นแหล่งสำคัญของใยอาหาร แร่ธาตุ วิตามินชนิดอื่นๆ และ สารพฤกษเคมีต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับร่างกายอีกด้วย



ถ้าร่างกายได้รับวิตามินซีมากเกินไป จะเกิดอันตรายไหม

วิตามินซีมีความเป็นพิษน้อย ปริมาณสูงสุดที่ร่างกายรับได้ในแต่ละวันไม่ควรเกิน 2000 มิลลิกรัมต่อวัน ผลข้างเคียง   ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการคลื่นไส้ ท้องเสีย นอกจากนี้ การได้รับวิตามินซีมากไปมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของออกซาเลต ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต และผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะธาตุเหล็กเกินจากโรคธาลัสซีเมีย ควรหลีกเลี่ยงการเสริมวิตามินซีในปริมาณมาก

วิตามินซีมากเกินไป



หากร่างกายขาดวิตามินซี จะเกิดอะไรขึ้น

หากร่างกายขาดวิตามินซีอย่างรุนแรง จะทำให้เกิดโรค “ลักปิดลักเปิด” โดยจะมีอาการ มีตุ่มนูน ผิวหนังแห้งแตก มีจุดเลือดออก เหงือกบวมแดง เลือดออกง่าย (โรคเลือดออกตามไรฟัน) เส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ แผลหายช้า

ผักผลไม้แต่ละชนิดมีปริมาณวิตามินซีเท่าไหร่

เป็นที่ทราบกันดีค่ะว่า ว่าวิตามินซีพบในผักและผลไม้ ผักและผลไม้ที่มี วิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม พริกหวาน ผักคะน้า ซึ่งตารางด้านล่างนี้ คือตัวอย่างของวิตามินซีที่พบใน ผัก ผลไม้ 100 กรัม

จำนวนวิตามินซี ในผักผลไม้



รู้จักชนิดและรูปแบบวิตามินซี

วิตามินซีแบบอัดเม็ด

วิตามินซีแบบอัดเม็ด

แบบอัดเม็ด วิตามินซีประเภทนี้โดยทั่วมีขนาดตั้งแต่ 25 – 1,000 มิลลิกรัม แต่ขนาดยอดนิยมทั่วไปคือ 500 และ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งหากเป็นไปได้ควรเลือกทานที่ระบุว่าเป็นแบบ Buffered, Sustained Release หรือ Slow Release เพราะตัววิตามินซีจะค่อย ๆ ปล่อยจากเม็ดยาช้า ๆ ทำให้วิตามินซีออกฤทธิ์ได้นานขึ้น อีกทั้งช่วยให้ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร แต่ระดับวิตามินซีในกระแสเลือดที่ได้รับนั้นไม่แตกต่างจากรูปแบบเม็ดทั่วไปที่ปล่อยวิตามินซีแบบทันที



วิตามินซีแบบเม็ดอม

วิตามินซีแบบเม็ดอม

แบบเม็ดอม มีตั้งแต่ 25 – 500 มิลลิกรัม เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลืนเป็นเม็ด แต่พึงระลึกไว้เสมอว่า การอมวิตามินซีแบบเม็ดบ่อย ๆ กรดที่ออกมาจะทำให้เคลือบฟันบางจนฟันกร่อนได้

วิตามินซีแบบเม็ดเคี้ยว

แบบเม็ดเคี้ยว โดยปกติมีขนาด 30 มิลลิกรัม เหมาะกับเด็ก เพราะมีรสหวานชวนทาน แต่ต้องระวังไว้ว่า ด้วยน้ำตาลที่มีปริมาณสูงอาจส่งผลให้เกิดฟันผุได้เมื่อรับประทานเป็นประจำ



วิตามินซีแบบเม็ดฟู่

วิตามินซีแบบเม็ดฟู่

แบบเม็ดฟู่ มักมาในขนาด 500 และ 1,000 มิลลิกรัม วิธีการทานที่ถูกต้องควรนำไปละลายในน้ำจนฟองหมด เพราะฟองแก๊สที่เกิดขึ้นเมื่อรับประทานเข้าไปอาจเกิดการแน่นท้องในภายหลังได้ วิตามินซีชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถกลืนยาเม็ดขนาดใหญ่ได้ ข้อดีคือเหมาะกับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึม



วิตามินซีแบบแคปซูล

วิตามินซีแบบแคปซูล

แบบแคปซูล มีทั้งแบบแคปซูลแข็งและแคปซูลนิ่ม แต่ละแคปซูลมีขนาด 500 มิลลิกรัม ข้อดีคือกลืนง่ายสบายคอกว่าวิตามินซีรูปแบบอัดเม็ด

วิตามินซีแบบสารละลายเพื่อฉีด

วิตามินซีแบบสารละลายเพื่อฉีด

แบบสารละลายเพื่อฉีด ขนาดจะอยู่ที่ 500 มิลลิกรัม เป็นวิตามินซีแบบที่เหมาะกับการป้องกันหวัดที่ดีที่สุด แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีด ข้อดีก็คือ ออกฤทธิ์เร็วและร่างกายสามารถเอาวิตามินซีไปบำรุงซ่อมแซมได้ทันที เพราะไม่ต้องผ่านการย่อยจากกระเพาะอาหาร



การทานวิตามินซีให้ได้ประโยชน์สูงสุด

การทานวิตามินซีให้ได้ประโยชน์สูงสุด

  • ทานพร้อมอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น เพราะวิตามินซีจะถูกขับออกภายใน 2 – 3 ชั่วโมง ดังนั้นการรักษาระดับวิตามินซีในเลือดให้สูงเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ
  • บรรเทาหวัด ทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม วันละ 2 เวลา ช่วยให้ระดับฮิสตามีน สารที่ทำให้น้ำตาน้ำมูกไหลลดลงได้ถึงร้อยละ 40
  • ผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรรับประทานวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัม เพราะวิตามินซีจะเข้าไปช่วยลดสารอนุมูลอิสระและการอักเสบของหลอดเลือด อีกทั้งช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไตวาย เป็นต้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพวิตามินซี ด้วยการทานร่วมกับแคลเซียม แมกนีเซียม และไบโอฟลาโวนอยด์
  • สัญญาณเมื่อได้รับวิตามินซีเกิน เช่น อาการท้องเสีย เป็นต้น ซึ่งอาจเกิดได้กับคนที่ทานวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก ๆ เช่น 8,000 มิลลิกรัมขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะเป็น เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็สามารถย่อยวิตามินซีได้วันละหลายกรัมเลยทีเดียว



ประโยชน์ของวิตามินซี

Vitamin-C-benefit

ประโยชน์ของวิตามินซี เราทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า มันประโยชน์มากมากหลายอย่าง ไม่ว่าจะช่วยปกป้องเซล เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับ เส้นเอ็น และคอลลาเจน ก็มีผลมาจากปริมาณวิตามินซี ในร่างกาย และ ยังมีฤทธิ์ในการเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดี จึงสามารถป้องกันการทำลายเซลจากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทานวิตามินซี ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น



วิตามินซียังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ
  • เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันกันสันดาปของเซลล์ ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น ต้อหิน ต้อกระจก ตาบอดเฉียบพลัน
  • ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจาก วิตามินซีสามารถช่วยปกป้องเลนส์ตาจากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอุลตร้าไวโอเลต ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคต้อกระจก มีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัวซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรคต้อกระจก ลดลงถึง 77%
  • ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด หากเริ่มรับประทานวิตามินซี ตั้งแต่เริ่มแรก จะช่วยให้ลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น
  • ช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เนื่องจากวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซล ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านอาการอักเสบ
  • ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อ โรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับ คลอเรสเตอรอล ในร่างกาย
  • เนื่องจากวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี จึงอาจจะช่วยในการป้องกันและต่อสู้กับโรค มะเร็ง ได้ มีการศึกษาอย่างมากในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจน
  • บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส ทั้งนี้เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว วิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆ เป็นต้น

กลับหน้าหลัก: RinRinHealth

ขอบคุณข้อมูลจาก:  theptarin

ขอบคุณข้อมูลจาก: bangkokhospital

ขอบคุณข้อมูลจาก: laservisionthai

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF

About Admin

แอดริน ผู้มีใจรักสุขภาพ เข้านอนสามทุ่ม ตื่นตีห้ามาออกกำลังกาย ดื่มน้ำวันละแปดแก้ว เขียนคอนเท้นสุขภาพ เพื่อแชร์เรื่องราวสุขภาพดีๆ เพราะอยากเห็นคนไทยสุขภาพดี ห่างไกลโรคภัย

View all posts by Admin →