ฝ้า บอกลาปัญหาฝ้าเป็นง่ายหายยาก

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF




บอกลาปัญหาฝ้าเป็นง่ายหายยาก

ฝ้า บอกลาปัญหาฝ้าเป็นง่ายหายยาก

ฝ้า บอกลาปัญหาฝ้าเป็นง่ายหายยาก หนุ่มสาว ทั้งหลายเมื่อตัวเลขอายุเริ่มเยอะขึ้น ย่างเข้าสู่เลข 3 เลข 4 ปัญหาบนผิวหน้าก็เริ่มออกฤทธิ์กันแล้วใช่ไหมคะ ปัญหาหนึ่งที่พบเป็นประจำ นอกจากริ้วรอยแล้ว ปัญหาหนักอกคือ “ฝ้า” เป็นปัญหาที่ทำให้สาวๆ หนักอกหนักใจนอนไม่หลับ กระส่ายกระสับ หาวิธีลบรอยฝ้า อย่างไวที่สุดเลยใช่ไหมคะ แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะลบเลือนมันไป แต่มาค่ะวันนี้แอดริน จะพาไปลบฝ้า บอกลาปัญหาฝ้าบนผิวหน้า หน้าใสเลยค่ะ

ฝ้า บอกลาปัญหาฝ้าเป็นง่ายหายยาก

ฝ้าคืออะไร

“ฝ้า” ภาษาอังกฤษคือ “Melasma” เกิดจากการที่เซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง หรือเม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกติ โดยมักจะขึ้นเป็นวงเล็กๆสีน้ำตาลก่อน แล้วถ้าไม่หาทางหยุดฝ้า หรือป้องกัน ก็จะค่อยๆขยายเป็นปื้นและฝังลึกลงไปในเซลล์ผิว โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม มักเกิดกับผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 30-40 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้หญิงมีโอกาสเป็นฝ้ามากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า โชคไม่ดีที่ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษา “ฝ้า” ให้หายขาด แต่การวิจัยและพัฒนาก็ยังพอให้มีความหวังได้อยู่บ้าง อย่างที่ทราบว่าถ้าหลีกเลี่ยง “แสงแดด” โอกาสเกิดฝ้าก็จะลดลง แต่นอกจากหลีกเลี่ยงแสงแดด ฝ้าก็ยังสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการดูแล บำรุงอย่างต่อเนื่อง วันนี้แอดรินจะนำเสนอทุกแง่ทุกมุมเลยค่ะ



ฝ้าเกิดจากอะไร

ฝ้ามีสาเหตุจากเซลล์ผิวที่อ่อนแอและเสื่อมสภาพลง จึงเกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไปในบางบริเวณของผิวหนัง การกระจายตัวของเม็ดสีไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดเป็นรอยสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงเทา จากปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง เช่น การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อนุมูลอิสระ แสงแดด สารเคมีจากเครื่องสำอาง เป็นต้น

“แสงแดด” ถือเป็นอีกปัจจับหลักที่ทำให้เกิดฝ้า เพราะแสงแดดเข้ากระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ให้ผลิตเม็ดสีเมลานินซึ่งมีหน้าที่กรองรังสี UV เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย จึงเกิดเป็นฝ้าฝ้า ฝ้าเกิดจากอะไร

RINRINHEALTH TAIL_PURPLE



ฝ้ามีกี่ชนิด

ฝ้า มักปรากฏเป็นรอยคล้ำ เป็นรอยดำใต้ผิวที่ตอนแรกมักจะไม่สังเกตเห็น จนรอยดำนั้นกระจายเป็นจุดดำ เช่น กระฝ้า เมื่อกระจายวงกว้า และสีเข้มขึ้น จะมีลักษณะเป็นปื้นๆ สีน้ำตาล หรือที่เทา ดำซึ่งการกระจายตัว อาจมีขอบเขตไม่ชัดเจน มีสีเข้มตรงกลางวงและ จางลงไปตรงขอบไม่ชัดเจน สามารถพบได้ขึ้นได้ทั่วใบหน้า แต่จะพบมากที่สุดที่หน้าผาก โหนกแก้ม ริมฝีปาก จมูก

ปัญหาฝ้า แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่

ฝ้าตื้น (Epidermal Type) มีสีน้ำตาลดำเข้ม มีขอบชัดเจน มองเห็นได้ชัดเพราะอยู่ที่เซลล์ผิวชั้นบน เกิดจากเมลามีนใต้ชั้นผิวหนัง กำพร้ากระจายตัวเป็นพิเศษ

ฝ้าลึก (Dermal Type)  มีสีเข้มออกน้ำเงินอมม่วงหรือเทาอ่อน ขอบเขตไม่ชัดเจน อยู่ที่ผิวหนัง  ชั้นลึกลงไป จึงรักษาได้ยากสามสารถพบฝ้าลึก และฝ้าตื้นได้พร้อมๆ กัน

ฝ้าแบบผสม (Mixed Type) มีทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึก เกิดอยู่ร่วมกันในบริเวณต่างๆ

ฝ้าที่ไม่สามารถระบุได้ (Inderterminate Type) เป็นฝ้าที่ไม่สามารถระบุได้ส่วนมากพบได้ในคนที่มีสีผิวคล่ำมากๆ เช่นคนแอฟริกัน คนผิวสี เป็นต้น

ฝ้า ฝ้ามีกี่ชนิด



RINRINHEALTH TAIL_PURPLE

วิธีแก้ปัญหาฝ้าอย่างได้ผล

ฟังแล้วสาวๆ อาจจะปวดใจ เพราะปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษา “ฝ้า” ให้หายขาด แต่การวิจัยและพัฒนาก็ยังพอให้มีความหวังได้อยู่บ้าง อย่างที่ทราบว่าถ้าหลีกเลี่ยง “แสงแดด” โอกาสเกิดฝ้าก็จะลดลง แต่นอกจากหลีกเลี่ยงแสงแดด ฝ้าก็ยังสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการดูแล บำรุงอย่างต่อเนื่อง โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่จัดการปัญหาอย่างตรงจุดก็จะช่วยให้ฝ้าหายไวขึ้น หรือรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ต่างๆ ดังนี้ค่ะ

1. การรักษาฝ้าด้วยทรีทเม้นท์

ใช้ทรีทเม้นท์รักษาฝ้า อาจจะใช้เวลามากกว่าการไปเลเซอร์ หรือวิธีการลอกผิว แต่เป็นวิธีที่ปลอดภัย แก้ตรงจุดและไม่เกิดผลข้างเคียง การเลือกทรีทเม้นท์ที่ดี ควรเลือกทรีทเม้นท์ที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้วว่าได้ผลจริงและไม่เกิดผลข้างเคียง สามารถกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน และช่วยลดเลือนฝ้าแดดสะสมได้ ทำให้ฝ้าที่ฝังอยู่ใต้ผิวตื้นขึ้น ขนาดดูเล็กและสีดูจางลง โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง



2. การรักษาฝ้าด้วยการทายา

การรักษา “ฝ้า” ด้วยการทายา จะได้ผลดีกับผู้ที่เป็นฝ้าตื้น แต่ต้องใช้เวลาตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล ยารักษาฝ้ามีหลายชนิด ได้แก่ กลุ่มกรดวิตามินเอหรือเรตินอยด์ (Topical Retinoids/Retinoic Acid) กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) กรดโคจิก (Kojic Acid) คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) ซึ่งความเข้มข้นของสารในครีมทาฝ้าจะมีปริมาณแตกต่างกันออกไป แต่ ไม่ควรไปซื้อยามาใช้เองนะคะ เพราะอาจทำให้ผิวหน้าเกิดแสบ แดง หรือลอกเป็นขุย

ฝ้า การรักษา "ฝ้า" ด้วยการทายา



3. การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์

การรักษา “ฝ้า” ด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีการรักษาที่ค่อนข้างรวดเร็ว กว่าการทา “ครีมทาฝ้า” ส่วนใหญ่จะใช้รักษาฝ้าเมื่อการใช้ยาทาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร แต่ประสิทธิภาพของการรักษายังขึ้นอยู่กับแต่ละคน ซึ่งปัจจุบันก็มีการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ที่หลากหลาย เพื่อช่วยปรับสภาพหรือรักษาความผิดปกติของสีผิว เช่น เลเซอร์ระบบคิวสวิตช์ หรือ Q-switched Laser หรือ YAG Laser ที่ยิงลงไปบริเวณที่เกิดฝ้าโดยตรง และทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีด้วยความร้อน ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ให้ผลรวดเร็วและจัดการกับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้ เลเซอร์ก็ยังไม่ใช่ทางเลือกแรกของการรักษาฝ้าในทางการแพทย์ เพราะผลของการรักษาจะทำให้ฝ้าจางลงเพียงชั่วคราวเท่านั้นและฝ้าสามารถกลับมาใหม่ได้ตลอดเวลา หรืออาจไม่ได้ผลในบางรายด้วยซ้ำ

ฝ้า การรักษา "ฝ้า" ด้วยเลเซอร์



4. การรักษาฝ้าด้วยการผลัดเซลล์ผิวหนัง

การผลัดเซลล์ผิวหนัง (Superficial Skin Peels) เป็นการใช้สารที่มีความเป็นกรดหรือสารฟอกขาว เช่น กรดไกลโคลิก หรือกรดซาลิซิลิก ช่วยเร่งให้ผิวเกิดการผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอก คล้ายๆ กับการใช้เลเซอร์ เพื่อช่วยให้สีผิวมีความสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ผลข้างเคียงของวิธีนี้คืออาจเสี่ยงกับการทำให้สีผิวเข้มมากขึ้น หน้าบาง หรือเกิดด่างขาว

RINRINHEALTH TAIL_PURPLE



สูตรกำจัดฝ้าที่ได้ผลด้วยสมุนไพร

1. สูตรกำจัดฝ้าด้วยหัวไชเท้า
มาเริ่มที่วิธีแรกกันเลย โดยเป็นวิธีง่ายๆ เพียงใช้หัวไชเท้ามาเป็นวัตถุดิบหลักในการกำจัดฝ้าเท่านั้น ด้วยการนำหัวไชเท้ามาปอกเปลือกออกให้หมด จากนั้นนำมาบดแต่ไม่ต้องละเอียดมาก แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แนะนำให้ทำแบบวันเว้นวันไปเลย รับรองว่าฝ้าหายแน่นอน แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย

2. สูตรรักษาฝ้าด้วยว่านหางจระเข้
ไม่รู้จะรักษาฝ้าด้วยอะไรดี ก็ว่านหางจระเข้นี่แหละ โดยให้นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกออกเอาแต่วุ้นไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นก็นำไปบดและพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที ถ้าอยากให้ได้ผลเร็ว แนะนำให้ทำเป็นประจำทุกวัน รอยฝ้าจะค่อยๆ จางหายไปอย่างเป็นธรรมชาติแน่นอน



ฝ้า สูตรรักษาฝ้าด้วยว่านหางจระเข้

3.สูตรน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์
นำน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์มาผสมน้ำเปล่าเล็กน้อยเพื่อให้กรดจากน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์เจือจางลง เสร็จแล้วให้นำสำลีมาชุบแล้วเช็ดจนทั่วใบหน้า ปล่อยให้แห้งแล้วล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง นอกจากจะทำให้ฝ้าจางลงแล้ว สูตรนี้ยังช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่มและดูกระจ่างใสขึ้นด้วย

4. สูตรรักษาฝ้าด้วยใบบัวบก
บ้านใครมีใบบัวบก รีบไปเด็ดมาเลยค่ะ เพราะใบบัวบกมีสรรพคุณที่จะช่วยกำจัดรอยฝ้าบนใบหน้าได้อย่างดีเยี่ยม เพียงนำใบบัวบกมาปั่นให้ละเอียด แล้วคั้นเอาน้ำออกมา จากนั้นนำน้ำใบบัวบกมาเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าแทนโทนเนอร์ ทำบ่อยๆ รอยฝ้าจะจางหายไปอย่างแน่นอน



ฝ้า สูตรรักษาฝ้าด้วยใบบัวบก

5. สูตรมะขามเปียก
ขยำมะขามเปียกให้ได้น้ำข้นๆ จากนั้นนำมาทาบาง ๆ ตรงบริเวณที่เป็นฝ้า ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาทีแล้วล้างออก วิธีนี้นอกจากจะช่วยทำให้รอยฝ้าดูจางลงแล้ว ยังช่วยลดรอยด่างดำได้อีกด้วย เพราะมะขามเปียกมีกรด AHA ตามธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก

6. สูตรไข่ขาว
นำไข่ขาวมาผสมกับน้ำมะนาวจากนั้นนำมาทาบาง ๆ ให้ทั่วบริเวณที่เป็นฝ้า แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วจึงล้างหน้าด้วยโฟมตามปกติ แนะนำให้ทำสูตรนี้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยไข่ขาวจะช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและรอยฝ้า จึงทำให้ผิวหน้าสะอาดใสเรียบเนียนเกลี้ยงเกลายิ่งขึ้น



RINRINHEALTH TAIL_PURPLE

การป้องกันการเกิดฝ้า

– หลีกเลี่ยง แสงแดด เมื่อไม่จำเป็น หรือควรใช้ร่มที่ป้องกันรังสียูวี สวมหมวก ใช้ผ้าคลุม โดยเฉพาะแดดช่วง 10.00-16.00 น.

– หลีกเลี่ยงยาที่เป็นต้นเหตุให้เกิดฝ้า หรือยาเพิ่มฮอร์โมนอื่นๆ เช่น ยาคุมกำเนิด อาจจะต้องเปลี่ยนการคุมกำเนิดโดยต้องปรึกษาแพทย์ก่อน

– ใช้ “ครีมกันแดด” ที่มี SPF30+ ขึ้นไป เพื่อป้องกันยูวีเอ และมีค่าป้องกัน PA2+ ขึ้นไป เพื่อป้องกันยูวีเอ โดยควรทาครีมกันแดดก่อนที่จะออกแดด 30 นาที

– ใช้ครีมทาที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ หรือครีมไวท์เทนนิ่งอื่นๆ เพื่อป้องกันผิวหน้ามีสีเข้มขึ้น

– เรื่องง่ายๆ ที่ไม่คิดว่าจะช่วยรักษาฝ้าได้ แต่มันคือเรื่องจริง! ด้วยการ “ดูแลตัวเอง” พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน หลีกเลี่ยงความเครียด ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว



RINRINHEALTH TAIL_PURPLE

ขอบคุณข้อมูล : Sanook

Thairath

Megawecare

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF

About Admin

แอดริน ผู้มีใจรักสุขภาพ เข้านอนสามทุ่ม ตื่นตีห้ามาออกกำลังกาย ดื่มน้ำวันละแปดแก้ว เขียนคอนเท้นสุขภาพ เพื่อแชร์เรื่องราวสุขภาพดีๆ เพราะอยากเห็นคนไทยสุขภาพดี ห่างไกลโรคภัย

View all posts by Admin →