การลดน้ำหนักแบบ IF Intermittent Fasting ให้ได้ผล
การลดน้ำหนักแบบ IF หรือการลดน้ำหนักแบบ Intermitent Fasting คือ วิธีลดน้ำหนักที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ เป็นการลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารเป็นช่วงเวลา (Feeding) และปล่อยให้ร่างกายหยุดรับอาหารเป็นช่วงเวลา (Fasting) แต่ทั้งนี้หลังการลดน้ำหนักแบบ ก็มีเงื่อนไขที่สำคัญอยู่ 3 ข้อ
กฏสำคัญในการทำ IF Intermitent Fasting
- ต้องงดอาหารอย่างน้อย 1 มื้อในแต่ละวัน
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารมื้อดึก แต่อาจปรับเปลี่ยนได้ตามช่วงเวลา การทำ Fasting และ Feeding
- กินอาหารตามปกติในช่วงเวลา Feeding 8 ชั่วโมง เวลา Feeding อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสูตรการทำ Fasting
โดยหลักการของวิธีการ IF นั้นก็คือ การยกระดับการเผาผลาญไขมันให้กับร่างกาย ตัดปัญหาการสะสมไขมันในร่างกาย การอดอาหารในระยะสั้นสลับกันไป จะสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญที่ดีขึ้น มากขึ้น ช่วยลดไขมันไม่ดีที่สะสมตามร่างกาย ต่างๆ เช่น รอบเอว ต้นขา ฯลฯ โดยไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงเหมือนการอดอาหารทั่วไป
สูตรการลดน้ำหนัก Intermitent Fasting 6 วิธี
1. วิธีลดน้ำหนัก Intermitent Fasting แบบ Lean gains
การลดน้ำหนักแบบ Lean gains ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในบรรดาทุกวิธีของ IF โดยหลักการง่ายๆ ของวิธีนี้คือ 16:8 (อดอาหาร 16 ชั่วโมง ทาน 8 ชั่วโมง) โดยสาวๆ อาจเริ่มด้วยการ อด 14 ชั่วโมง ทาน 10 ชั่วโมง ก่อน เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว และเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อร่างกายเกิดความเคยชิน ก็ค่อยๆ เพิ่มจนสามารถอดอาหารได้ถึง 16 ชั่วโมง
2. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ Fast 5
การลดหนักแบบ Fast 5 เป็นการอดอาหารที่ค่อนข้างหักดิบ เพราะเป็นการกินอาหารเพียง 5 ชั่วโมงและอดอาหารถึง 19 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องต่อวัน
3. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ Eat stop Eat
การลดน้ำหนักแบบ Eat stop Eat คือ จะต้องอดอาหาร 24 ชั่วโมง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนวันที่ไม่อดก็สามารถกินได้ตามปกติ แต่ก็ต้องกินอย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายสามารถทานๆได้วันละ 500 – 600 กิโลแคลอรี่ แต่วิธีนี้ไม่ แนะนำสำหรับคนที่เริ่มลดน้ำหนัก เพราะจะทำให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นในวันต่อไปและส่งผลต่ออารมณ์ ด้วย
4. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ 5:2
การลดน้ำหนักแบบ 5:2 คือการกินอาหารตามปกติ 5 วัน และกินอาหารแบบ Fasting 2 วัน ซึ่งจะเลือก ทำติดกัน 2 วันหรือห่างกันก็ได้ วิธีนี้จะไม่ใช่การอดอาหารทั้งวัน แต่จะเป็นการลดปริมาณอาหารให้น้อยลง แทน เช่น ผู้ชายสามารถกินได้ 600 แคลอรี่ ส่วนผู้หญิงกินได้ 500 แคลอรี่ หรือประมาณ1/4 ของแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน
5. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ The Warrior Diet
การลดน้ำหนักแบบ The Warrior Diet เป็นการอดอาหารในช่วงกลางวันดื่มได้แค่น้ำเปล่า และมารับประทานอาหารหนักในมื้อค่ำเพียงมื้อเดียวเท่านั้น วิธีนี้ต้องคำนึงถึงสุขภาพด้วยนะคะ และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ค่ะ
6. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting ADF (Alternate Day Fasting)
การลดน้ำหนักแบบ ADF เป็นอดอาหารแบบวันเว้นวัน ซึ่งจัดว่าเป็นวิธีค่อนข้างหักโหมเพราะต้องอด อาหาร 1 วัน กินอาหาร 1 วัน แล้วกลับมาอดอีก 1 วัน แต่ทั้งนี้ก็เหมือนกับ IF สูตร 5:2 เพราะในวันที่ Fast เราสามารถกินอาหารแคลอรีต่ำได้ แต่ต้องกินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
การลดน้ำหนักแบบ IF เป็นการปรับพฤติกรรมการกินอย่างให้สอดคล้องกับหลักความต้องการของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ IF คือ สุขภาพต้องมาก่อนเสมอ ไม่ควรฝืนร่างกาย หากไม่ไหวก็ควรหยุดทำนะคะ
ข้อควรรู้ก่อนเริ่มทำ IF
- ลดมื้ออาหารแล้วสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติได้ไหม เพราะหากลดมื้อไม่ได้ตั้งแต่เริ่มก็ถือว่าวิธีนี้ไม่เหมาะกับคุณ ควรหาวิธีการลดน้ำหนักแบบอื่นดีกว่า บางท่านอาจเป็นโรคกระเพาะการทำ IF ก็อาจไม่เหมาะกับท่านเช่นกันค่ะ
- วัตถประสงค์การทำ IF คืออะไร ปกติแล้วจุดประสงค์ของการทำ IF มีอยู่ 2 อย่างคือ ลดน้ำหนัก และ ทำเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น หากทำเพื่อสุขภาพที่ดี ไม่ต้องลดอาหารเยอะ อาจแบ่งแคลอรี่ให้พอดีใน 1-2 มื้อที่กิน เช่น แบ่งเป็นมื้อละ 750-900 แคลอรี่
- รับได้ไหมหากผลการลดแบบค่อยเป็นค่อยไป วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ไม่ได้เห็นผลเร็ว เพราะการลดแบบ IF จะเป็นการลดเป็นช้าๆ ค่อยๆเห็นผล สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีน้ำหนักตัวมากจนเกินไป โดยการลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม อาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรือเป็นหลายเดือนจึงจะเห็นผล
ขอขอบคุณข้อมูล
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
กลับหน้าหลัก: RinRinHealth