นิสชินดามาเอะราเมน รสซุปกระดูกหมู กี่แคล ?

นิสชินดามาเอะราเมน รสซุปกระดูกหมู กี่แคล หลายคนคงอยากรู้ว่า ถ้าเรากิน นิสชินดามาเอะราเมน รสซุปกระดูกหมู 1 ซอง เข้าไปแล้วแคลอรี่จะขนาดไหนนะ แต่อย่างที่เราทราบกันดีนะคะว่าถ้าเราอ่านฉลากโภชนาการเป็น เลือกกินในปริมาณพอเหมาะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เราก็จะมีสุขภาพดี ไม่มีโรคภัย ไม่อ้วนมาค่ะวันนี้แอดริน จะพาไปเปิดโลกการกิน เมื่อกินนิสชินดามาเอะราเมน รสซุปกระดูกหมู ต้องกินเท่าไหร่และออกกำลังกายแค่ไหน เตรียมปากกาไว้จดได้เลยค่ะ

ข้อมูลทางโภชนาการของ นิสชินดามาเอะราเมน รสซุปกระดูกหมู

นิสชินดามาเอะราเมน รสซุปกระดูกหมู 1 ซอง 100 กรัม มีแคลอรี่ 440 กิโลแคลอรี่

ข้อมูลโภชนาการ
นิสชินดามาเอะราเมน รสซุปกระดูกหมู	100	กรัม
พลังงาน	440	กิโลแคลอรี่
พลังงานจากไขมัน	180.0	กิโลแคลอรี่
สารอาหาร
ไขมัน	17.0	กรัม
คาร์โบไฮเดรต	64.0	กรัม
โปรตีน	9.0	กรัม
โซเดียม	1580.0	กรัม

ตารางออกกำลังเพื่อกำจัด นิสชินดามาเอะราเมน รสซุปกระดูกหมู จำนวน 440 กิโลแคลอรี่

กิจกรรม	เวลา	หน่วย
วิ่งเร็ว	33	นาที
เดิน	88	นาที
วิ่งจ๊อกกิ้ง	53	นาที
วิ่งบนลู่	53	นาที
ว่ายน้ำ	35	นาที
โยคะ	88	นาที
พีลาทีส	139	นาที
เต้นซุมบ้า	53	นาที
เต้นแอโรบิค	44	นาที
ฮูลาฮูป	61	นาที
กระโดดเชือก	34	นาที
ฟุตบอล	35	นาที
เล่นบาสเก็ตบอล	46	นาที
ตีเทนนิส	47	นาที
ตีกอล์ฟ	110	นาที
HIIT	33	นาที

หลักการรับประทานอาหารให้สุขภาพดี

1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินเมนูให้หลากหลายประเภท

กินให้สารอาหารหลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว ข้อแนะนำนี้เป็นหลักในการกินให้มีสุขภาพดี ให้ยึดอาหารหลัก 5 หมู่ และกินแต่ละหมู่ให้หลากหลาย อย่ารับประทานเมนูที่จำเจ หมั่นตรวสอบน้ำหนักตัว อย่าให้อ้วนหรือผอมเกินไป เพราะน้ำหนักตัวบ่งบอกถึงภาวะสุขภาพ ควรหมั่นชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนะครั้งนะคะ

2. รับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับคาร์โบไฮเดรตประเภทอื่นบ้าง

สำหรับคนไทยแล้ว เรารับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก เพื่อสุขภาพที่ดี ควรรับประทานข้าวซ้อมมือเพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนและใยอาหารมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว ส่วนอาหารประเภทแป้งอื่นๆ เช่น ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นขนมจีน และอื่นๆให้รับประทานบ้างเป็นบางมื้อ เนื่องจากแป้งผ่านการขัดสี จึงมีคุณค่าทางสารอาหารน้อยกว่าข้าวซ้อมมือมาก

3. รับประทานพืชผัก และผลไม้สดทุกวัน

เนื่องจากประเทศไทยสามารถหาพืชผัก และผลไม้ทานได้ง่าย เราสามารถหาผัก และผลไม้ทานได้ทุกวัน โดยผักและผลไม้เป็นแหล่งสารอาหารสำคัญหลายชนิด มีวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร มีสารแอนตี้ออกซิแดน ช่วยทำลายสารอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการชะลอวัย ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส นอกจากนี้ยังทำให้ร่ายกาย และจิตใจสดใสอีกด้วย

4. รับประทานอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูง และเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน

ให้รับประทานโปรตีนที่ดี โดยเน้นไปที่เนื้อปลา และถั่วเมล็ดแห้ง เช่นเต้าหู้ และเนื้อสัตว์ไม่ติดมันต่างๆ และไข่ ซึ่งเป็นอาหารราคาไม่สูง และเต็มเปี่ยมไปด้วยโปรตีน เด็กควรรับประทานวันละฟอง ผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้วันเว้นวันค่ะ

5. รับประทานอาหารที่มีไขมันแต่น้อย

ทุกคนรู้ดีว่าถ้าบริโภคไขมันมากเกินไป จะเกิดปัญหาด้านสุขภาพ และจะทำให้เกิดโรคอ้วน ความดันสูง หัวใจขาดเลือดตามมา แต่ว่าร่างกายของเราก็ขาดไขมันไม่ได้เช่นกัน แต่ต้องจำกัดปริมาณ ชนิดของไขมัน และรับแประทานในปริมาณเหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรี่สูง เช่นแกงกะทิต่างๆ หมูสามชั้น และข้าวขาหมู เป็นต้น

6. หลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด และเค็มจัด

น้ำตาล และเกลือเป็นส่วนประกอบของอาหารรสหวานจัด และเค็มจัด ซึ่งเครื่องปรุงรสอาหารทั้งสองชนิดนี้ หากรับประทานมากจนเกินไป จะเป็นต้นตอของปัญหาโรคต่างๆ เช่นความดัน และโรคอ้วน ให้เลือกรับประทานอาหารโดยหลีกเลี่ยง อาหารที่มีรสจัดๆ ต้องรับประทานอาหารที่มีรสชาติธรรมดา ไม่มีการปรุงรสมากเกินไป หลีกเลี่ยงการปรุง เกลือ เครื่องปรุงรส น้ำตาล เพิ่มลงในอาหาร แล้วหันมากินอาหารแบบสำรับไทย ที่มีกับข้าวหลากหลายชนิด เพื่อให้เกิดความหลากหลายของรสชาติอาหาร และร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนค่ะ

7. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และถูกวิธี

นอกจากการมีภาวะทางโภชนาการที่ดีแล้ว การออกกำลังกายเป็นประจำ และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง กลไกการทำงานต่างๆของร่างกาย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นระบบการไหลเวียนของเลือด ทำงานได้ดี ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ความดันผิดปกติ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานดี สามารถป้องกันการเกิดโรคต่างๆ

บทส่งท้าย

นิสชินดามาเอะราเมน รสซุปกระดูกหมู กี่แคล กินดีหรือเปล่า ไม่มีปัญหาสามารถกินได้เลยค่ะ เพียงแค่กินในปริมาณพอเหมาะ ออกกำลังกายเป็นกิจวัตร รับประทานให้ครบ 5 หมู่ให้ได้สารอาหารครบถ้วน จะทำให้เรามีร่างกายที่ฟิต แอนด์เฟิร์ม มีร่างกายแข็งแรง และอย่าวางแผนกิน ตรวจสอบแคลอรี่ในอาหาร คำนวณสารอาหารอย่างดีแล้ว ก็เลือกกินได้เลยค่ะ